อาจไม่รอดชีวิต 5 สถานที่ “ต้องห้าม” ทั่วโลก ที่ได้รับคำสั่งให้ปิดตายห้ามเข้าไปเด็ดขาด

สุดสพะพรึง !! อาจไม่รอดชีวิต 5 สถานที่ “ต้องห้าม” ทั่วโลก ที่ได้รับคำสั่งให้ปิดตายห้ามเข้าไปเด็ดขาด !!

เชื่อว่าหลายคนเกิดมาแล้วก็อยากที่จะไปเที่ยวสถานที่ต่างไม่ว่าจะเป็นสถานที่ท่องเที่ยวต่างจังหวัดหรือสถานที่ท่องเที่ยวในประเทศหรือนอกประเทศทุกคนมีความฝันกันทั้งนั้น และในสถานที่ต่างๆนั้นล้วนเต็มไปด้วยความลึกลับซับซ้อนอยู่หลายที่บางสถานที่ท่องเที่ยวก็ “ต้องห้าม” เข้าไป วันนี้เราก็มี 5 สถานที่ท่องเที่ยวต้องห้ามมาฝากเพื่อนๆกัน

1. เกาะซึร์ทเซย์ ประเทศไอซ์แลนด์ (Surtsey Island)

ซึ่งในปี 1963 เกิดการปะทุของภูเขาไฟใต้ทะเล ใช้เวลาปะทุนานเกือบ 5 ปี โผล่อยู่ที่กลางมหาสมุทรใกล้กับประเทศไอซ์แลนด์ แต่ไม่อนุญาตให้ใครก็ตามเดินทางไปท่องเที่ยวที่เกาะแห่งนี้โดยเด็ดขาด ยกเว้นแต่นักวิทยาศาสตร์และนักวิจัยบางรายที่ต้องการศึกษาเกี่ยวกับความก้าวหน้าและวิวัฒนาการทางนิเวศวิทยา เกาะแห่งนี้มีไว้เพื่อศึกษาค้นคว้าทางวิทยาศาสตร์เท่านั้น และมันเป็นเขตหวงห้ามสำหรับนักท่องเที่ยว ด้วยความที่ลาวาจากการระเบิดภูเขาไฟนั้นเอง ทำให้ทัศนียภาพบนเกาะสวยงามแปลกตาอย่างมาก และในขณะเดียวกันก็เป็นอันตรายสำหรับคนที่จะมาเกาะนี้ เพราะทุกวันนี้ยังมีขี้เถ้าลอยปลิวว่อนอยู่

2. เกาะงูคลั่ง ประเทศบราซิล (Ilha da Queimada Grande)

อิลยาดาเกย์ มาดากรังจี หรือเกาะงูคลั่ง เป็นเกาะแห่งหนึ่งที่ตั้งอยู่นอกชายฝั่งรัฐเซาเปาลู ประเทศบราซิล ที่ถุกขนานนามว่าเกาะงูคลั่งนั่น เนื่องมาจากเกาะนี้มีงูพิษร้ายแรงจำนวนมากอาศัยอยู่ ซึ่งสามารถพบงู 1 ตัวได้ในทุกๆ พื้นที่ 1 ตารางเมตรบนเกาะ ราวๆแล้วมากกว่า 4,000 ตัว และหนึ่งในนั้นมีงูพิษชนิดหนึ่งชื่อ โกลเดนแลนซ์เฮด (golden lancehead) ซึ่งมีพิษรุนแรงมากกว่างูพิษบนแผ่นดินใหญ่ถึงห้าเท่า และจัดว่าเป็นงูถิ่นเดียวที่มีถิ่นอาศัยอยู่บนเกาะเท่านั้น ดังนั้น ทางรัฐบาลบราซิลจึงประกาศให้เกาะแห่งนี้เป็นพื้นที่หวงห้าม ไม่อนุญาตให้ใครเข้าออกเด็ดขาด ยกเว้นแต่นักวิทยาศาสตร์ที่นานๆ ครั้งจะไปเยือนเกาะ เพื่อสำรวจเกี่ยวกับเรื่องชีววิทยา

3. เกาะเซนติเนลเหนือ ประเทศอินเดีย (North Sentinel Island)

เกาะเซนติเนลเหนือ เป็นเกาะเล็กๆที่ตั้งอยู่ในอ่าวเบงกอล มหาสมุทรอินเดีย มีธรรมชาติที่สวยงามน่าทึ่ง แต่น่าเสียดายที่รัฐบาลอินเดียประกาศห้ามมิให้ใครก็ตามเข้าใกล้เกาะแห่งนี้ ในระยะ 5 กิโลเมตรจากตัวเกาะ เพราะมีชนเผ่าหนึ่งบนเกาะที่ต่อต้านผู้บุกรุกด้วยความรุนแรง พร้อมจะคร่าทุกชีวิตหากย่างกรายเข้ามาใกล้เกาะของพวกเขา ทำให้ทางการมีข้อมูลเกี่ยวกับชนเผ่านี้น้อยมาก แต่คาดว่าน่าจะมีประชากรอยู่ราว 500 คน ซึ่งตัวอย่างการกระทำเพื่อปกป้องอาณาเขตของพวกเขา เช่น เมื่อปี 2004 พวกเขายิงเฮลิคอปเตอร์ของรัฐบาลอินเดียด้วยธนูเมื่อครั้งที่เกิดซึนามิ เพื่อสำรวจว่ามีพื้นที่ไหนต้องการความช่วยเหลือ และผู้ที่ตกเป็นเหยื่อล่าสุดคือนักตกปลาที่หายตัวไป ทำให้ทางการอินเดียวจึงประกาศให้เป็นพื้นที่ต้องห้าม ห้ามใครเข้าไปเด็ดขาด

4. ศาลเจ้าอิเซะ จิงงุ ประเทศญี่ปุ่น (Ise Grand Shrine)

ศาลเจ้าอิเซะ จิงงุ เป็นศาลเจ้าเก่าแก่ และศักดิ์สิทธิที่สุดของประเทศญี่ปุ่น คาดว่ามีอายุกว่า 2,000 ปี ตั้งอยู่ในเมืองอิเซะ โบสหลักนั้นถูกร้อมลอบไปด้วยกำแพงไม้สูงลิบ และสถานที่คนธรรมดาอย่างเราสามารถเข้าไปข้างในได้ เพราะบุคคลกลุ่มเดียวที่สามารถไปได้ก็คือพระสงฆ์ระดับสูงและสมาชิกครอบครัวของจักรพรรดิเท่านั้นญี่ปุ่นเท่านั้น จนถึงเมื่อปี 1945 สถานที่แห่งนี้ถูกแยกออกจากโลกภายนอกโดยมีแม่น้ำมิยากาวาที่เป็นเหมือนกับสัญลักษณ์ของชายแดนระหว่างสามัญชนและดินแดนศักดิ์สิทธิ์ พระสงฆ์ถูกสั่งห้ามไม่ให้ข้ามแม่น้ำโดยเด็ดขาด เพราะเชื่อว่าจะทำให้เกิดภัยพิบัติแก่ประเทศญี่ปุ่นได้

5. เกาะกรุยนาร์ด ประเทศสหราชอาณาจักร (Gruinard Island)

รัฐบาลอังกฤษซื้อเกาะแห่งนี้ต่อจากสก็อตแลนด์เพื่อใช้ทดสอบอาวุธชีวภาพ โดยเฉพาะอย่างยิ่งโรคระบาด ในช่วงที่ทำการทดลองสารที่ใช้เกิดรั่วไหลและแพร่ระบาดปกคลุมทั่วเกาะ จนทำให้ผู้คนล้มตายไปกว่า 95% ของทั้งหมด ในปี 1980 เกาะแห่งนี้ถูกประกาศว่าเป็นเขตอันตรายห้ามเข้ามาเด็ดขาด จนในปี 1986 นักวิทยาศาสตร์สามารถทำความสะอาดเกาะแห่งนี้ได้ และในปี 1990 นักวิทยาศาสตร์ประกาศว่าเกาะแห่งนี้ปลอดภัยแล้ว แต่ยังไม่มีใครกล้ากลับไป ผู้เชี่ยวชาญกล่าวว่าบนเกาะยังมีสารแอนแทร็กส์หลงเหลืออยู่ จึงทำให้มันไม่สามารถใช้อยู่อาศัยได้อีกนับร้อยปี

ความคิดเห็น